กรมการปกครอง จัดทำโครงการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) ฟรี !! เพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ยังไม่มีชื่อและรายการบุคคลในทะเบียนบ้าน
กรมการปกครอง จัดทำโครงการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) ฟรี !! เพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ยังไม่มีชื่อและรายการบุคคลในทะเบียนบ้าน
เป็นคนไทยต้องมีตัวตนตามสิทธิพลเมือง มีชื่อทุกคนในทะเบียนบ้าน
กรมการปกครอง จัดทำโครงการตรวจสารพันธุกรรมเพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ยังไม่มีชื่อและรายการบุคคลในทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) และขาดพยานหลักฐานสำคัญที่จะพิสูจน์ตัวตนและสัญชาติให้มีหลักฐานในการแจ้งการเกิดเกินกำหนด หรือขอเพิ่มชื่อเข้าในทะเบียนบ้าน รวมทั้งขอเปลี่ยนแปลงสถานะบุคคลจากคนที่มีรายการในทะเบียนราษฎรระบุไม่ได้สัญชาติไทย เป็นคนสัญชาติไทย ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ ได้แก่ สารพันธุกรรม (DNA)
ผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
1. เป็นบุคคลประเภทใดประเภทหนึ่ง
- บุคคลที่อ้างว่าเป็นคนไทยที่ยื่นคำร้องขอแจ้งการเกิดเกินกำหนดหรือขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน(ท.ร.14) ตามระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการจัดทำทะเบียนราษฏร พ.ศ.2535
- ชาวเขาและบุคคลบนพื้นที่สูงที่ยื่นคำร้องขอลงรายการสัญชาติไทย ตามระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการพิจารณาลงรายการสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎรให้แก่บุคคลบนพื้นที่สูง พ.ศ.2543
- บุคคลที่ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงสถานะในเอกสารทะเบียนราษฎรจากคนที่ไม่มีสัญชาติไทยเป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดโดยผลของกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ
2. ต้องเป็นผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากจน หรือยากไร้ ควรมีอายุไม่ต่ำกว่าสามปี และมีบิดามารดาหรือญาติร่วมสายโลหิตที่มีชื่อและรายการบุคคลในทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) ระบุสัญชาติไทย ซึ่งสามารถตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรม (DNA) เพื่อการมีสัญชาติไทยได้
3. บุคคลที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียนราษฎร และบุคคลที่เป็นคู่ตรวจอ้างอิง ต้องมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขการตรวจหาความสัมพันธ์ทางสายโลหิตของหน่วยให้บริการตรวจสารพันธุกรรม หรือหน่วยให้บริการตรวจสารพันธุกรรมสามารถหาความสัมพันธ์ทางสายโลหิตได้
เจ้าหน้าที่จะทำการบันทึกข้อมูลและทำหนังสือส่งตัวเพื่อเข้ารับการตรวจ ภายใน 30 วัน ณ หน่วยงานที่ให้บริการ 4 แห่ง ได้แก่
- โรงพยาบาลรามาธิบดี
- คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1548
ส่วนการทะเบียนราษฎร สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง โทร.02-791-7314-6
ขอบคุณที่มา : facebook เพจ สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์