รวมลิงก์ แบบทดสอบออนไลน์ “วันมาฆบูชา“ ผ่านเกณฑ์รับเกียรติบัตรทาง E-mail

รวมลิงก์ แบบทดสอบออนไลน์ “วันมาฆบูชา“ ผ่านเกณฑ์รับเกียรติบัตรทาง E-mail

วันมาฆบูชา 2568 ตรงกับวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ เป็นวันหยุดราชการและวันหยุดธนาคาร สำหรับประวัติความเป็นมา วันมาฆบูชาเป็นวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เนื่องจากเป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่พระภิกษุจำนวน 1,250 รูป ณ เวฬุวันวิหาร เมืองราชคฤห์ โดยมิได้นัดหมาย พระภิกษุทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า และบรรลุพระอรหันต์แล้วทุกองค์

เกียรติบัตรที่ 1 ขอบคุณที่มา : ห้องสมุดประชาชนอำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย
ลิงก์ทำแบบทดสอบ https://forms.gle/8Eaoo24KawFMkJrq8

เกียรติบัตรที่ 2 ขอบคุณที่มา : ห้องสมุดประชาชนอำเภอค่ายบางระจัน
ลิงก์แบบทดสอบ (สำหรับผู้มีอีเมล์) https://forms.gle/9eGM97EmHW8KDmbt6
ลิงก์แบบทดสอบ (สำหรับผู้ไม่มีอีเมล์) https://forms.gle/osFizsRShNenbnNt6
ข้อมูลเพิ่มเติม https://heyzine.com/flip-book/c6c34af525.html

เกียรติบัตรที่ 3 ขอบคุณที่มา : ห้องสมุดประชาชน”เฉลิมราชกุมารี”อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง
ลิงก์แบบทดสอบที่นี่ : https://forms.gle/7LLiaUCHna2p5RZc6
สามารถร่วมกิจกรรมได้ถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568

เกียรติบัตรที่ 4 ขอบคุณที่มา : บ้านห้วยลึก สพป.ตรัง เขต หนึ่ง
ลิงก์ แบบทดสอบออนไลน์ : https://forms.gle/FtFQoq4PTNWA2Nbv8
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ : https://online.anyflip.com/gecuh/khsf/mobile/index.html
ผ่านเกณฑ์ 70% รับเกียรติบัตรทาง E-Mail

เกียรติบัตรที่ 5 ขอบคุณที่มา : ห้องสมุดประชาชน อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ
ลิงก์ แบบทดสอบออนไลน์ : [https://forms.gle/HHznM3HQxjKNCLEj6]เปิดระบบวันนี้ ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2568

เกียรติบัตรที่ 6 ขอบคุณที่มา : ห้องสมุดประชาชนอำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ลิงก์ แบบทดสอบ วันมาฆบูชา>>https://forms.gle/uocH1uVuXYkzakmP9
(แบบทดสอบมี 15 ข้อ ทำคะแนนผ่านเกณฑ์ 75% ท่านจะได้รับวุฒิบัตร จัดส่งให้ทางอีเมลนะคะ)

เกียรติบัตรที่ 7 ขอบคุณที่มา : ห้องสมุดประชาชน”เฉลิมราชกุมารี”อำเภอสัตหับ จังหวัดชลบุรี
ลิงก์ ทำแบบทดสอบ : https://forms.gle/zo1q2hevY6EeupxCA
ศึกษาข้อมูลก่อนทำแบบทดสอบ : คลิกที่นี่

เกียรติบัตรที่ 8 ขอบคุณที่มา : สกร.ระดับอำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร
ลิงก์ ทำแบบทดสอบ https://forms.gle/pFpK338EUEsmVG5w9
ทดสอบผ่าน 70% ขึ้นไป

เกียรติบัตรที่ 9 ขอบคุณที่มา : ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” เขตคลองสามวา
ลิงก์ ทำแบบทดสอบ https://forms.gle/mdbkAi97i6tXQdm87
ทำแบบทดสอบผ่าน 80 % ขึ้นไป จะได้รับเกียรติบัตรท่านจะสามารถรับเกียรติบัตรได้ทาง E-mail

เกียรติบัตรที่ 10 ขอบคุณที่มา : ห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี อ.เมือง จ.กำแพงเพชร
ลิงก์ ทำแบบทดสอบ https://forms.gle/9CNFZT8pZj7airoW6
ทำแบบทดสอบผ่าน 80 % ขึ้นไป จะได้รับเกียรติบัตรทาง E mail ของท่าน

ประวัติวันมาฆบูชา

ประวัติความเป็นมา
วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง สำหรับประวัติวันมาฆบูชา ความสำคัญของวันมาฆบูชา รวมถึงกิจกรรมที่พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
ความหมายของวันมาฆบูชา
คำว่า “มาฆะ” นั้น เป็นชื่อของเดือน 3 ย่อมาจากคำว่า “มาฆบุรณมี” หมายถึง การบูชาพระในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน 3
การกำหนดวันมาฆบูชา
การกำหนดวันมาฆบูชาตามปฏิทินจันทรคติของไทยนั้นจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส คือมีเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 และมักตรงกับเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม
ความสำคัญของวันมาฆบูชาและประวัติวันมาฆบูชา
ความสำคัญของวันมาฆบูชา คือเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง “โอวาทปาติโมกข์”แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งหลักคำสอนนี้เป็นหลักการ และวิธีการปฏิบัติต่าง ๆ หากสรุปเป็นใจความสำคัญ จะมีเนื้อหาว่า “ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์”
ทั้งนี้ในวันมาฆบูชาได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อม ๆ กันถึง 4 ประการ อันได้แก่
1. วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
2. มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
3. พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6
4. พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ “เอหิภิกขุอุปสัมปทา”
และเพราะเกิดเหตุอัศจรรย์ 4 ประการข้างต้น ทำให้วันมาฆบูชา เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า “วันจาตุรงคสันนิบาต” ซึ่งคำว่า “จาตุรงคสันนิบาต” นี้ มีความหมายตามการแยกศัพท์คือ
– จาตุร แปลว่า 4
– องค์ แปลว่า ส่วน
– สันนิบาต แปลว่า ประชุม
ดังนั้น “จาตุรงคสันนิบาต” จึงหมายความว่า “การประชุมด้วยองค์ 4” นั่นเองทั้งนี้วันมาฆบูชาถือว่าเป็นวันพระธรรม ขณะที่วันวิสาขบูชาถือว่าเป็นวันพระพุทธ ส่วนวันอาสาฬหบูชา เป็นวันพระสงฆ์
ประวัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย
พิธีทำบุญวันมาฆบูชานี้ ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีมาในสมัยใด อย่างไรก็ตามในหนังสือ “พระราชพิธีสิบสองเดือน” อันเป็นบทพระราชนิพนธ์ของ “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” มีเรื่องราวเกี่ยวกับการประกอบราชกุศลมาฆบูชาไว้ว่า ประเทศไทยเริ่มกำหนดพิธีปฏิบัติในวันมาฆบูชาเป็นครั้งแรกในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งมีการประกอบพิธีเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2394 ในพระบรมมหาราชวังก่อน โดยมีพิธีพระราชกุศลในเวลาเช้า นมัสการพระสงฆ์จากวัดบวรนิเวศราชวรวิหารและวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร จำนวน 30 รูป ฉันภัตตาหารในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อถึงเวลาค่ำ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ทรงจุดธูปเทียนนมัสการ พระสงฆ์ทำวัตรเย็นและสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ เมื่อสวดจบทรงจุดเทียน 1,250 เล่ม รอบพระอุโบสถ มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนาโอวาทปาติโมกข์ 1 กัณฑ์ เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลี และภาษาไทย ส่วนเครื่องกัณฑ์ประกอบด้วยจีวรเนื้อดี 1 ผืน เงิน 3 ตำลึง และขนมต่าง ๆ เมื่อเทศนาจบ พระสงฆ์ 30 รูป สวดรับในสมัยรัชกาลที่ 4 นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปี แต่มีการยกเว้นบ้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องจากบางครั้งตรงกับช่วงเสด็จประพาสก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชาในสถานที่นั้น ๆ ขึ้นอีกแห่ง นอกเหนือจากภายในพระบรมมหาราชวัง
ต่อมาการประกอบพิธีมาฆบูชาได้แพร่หลายออกไปภายนอกพระบรมมหาราชวัง และประกอบพิธีกันทั่วราชอาณาจักร ทางรัฐบาลจึงประกาศให้เป็นวันหยุดทางราชการด้วย เพื่อให้ประชาชนจากทุกสาขาอาชีพได้ไปวัด เพื่อทำบุญกุศลและประกอบกิจกรรมทางศาสนา
นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2549 รัฐบาลไทยประกาศให้วันมาฆบูชา เป็นวันกตัญญูแห่งชาติอีกด้วย
หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติในวันมาฆบูชา
หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติคือ “โอวาทปาติโมกข์” ซึ่งเป็นหลักคำสอนสำคัญอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้น หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ 3 อุดมการณ์ 4 และวิธีการ 6 ดังนี้
หลักการ 3 คือหลักคำสอนที่ควรปฏิบัติ ได้แก่
1. การไม่ทำบาปทั้งปวง คือ การลด ละ เลิก ทำบาปทั้งปวง อันได้แก่ อกุศลกรรมบถ 10 ซึ่งเป็นทางแห่งความชั่ว 10 ประการที่เป็นความชั่วทางกาย (การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม) ทางวาจา (การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดคำหยาบ การพูดเพ้อเจ้อ) และทางใจ (การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม)
2. การทำกุศลให้ถึงพร้อม คือ การทำความดีทุกอย่างตาม กุศลกรรมบถ 10 ทั้งความดีทางกาย (ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ประพฤติผิดในกาม) ความดีทางวาจา (ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ) และความดีทางใจ (ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น มีความเมตตาปรารถนาดี มีความเข้าใจถูกต้องตามทำนองคลองธรรม)
3. การทำจิตใจให้ผ่องใส คือ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ หลุดจากนิวรณ์ที่คอยขัดขวางจิตใจไม่ให้เข้าถึงความสงบ ได้แก่ ความพอใจในกาม, ความพยาบาท, ความหดหู่ท้อแท้, ความฟุ้งซ่าน และความลังเลสงสัย
ซึ่งทั้ง 3 หลักการข้างต้น สามารถสรุปใจความสำคัญได้ว่า “ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์” นั่นเอง