คำแนะนำการใช้ “สารสกัดจากพืช” ใช้อย่างไร

คำแนะนำการใช้ “สารสกัดจากพืช” ใช้อย่างไร
คำแนะนำการใช้สารสกัดจากพืช
1.ควรระมัดระวังในการเตรียมตัวอย่างพืชไม่ให้เข้าตา เพราะอาจเกิดความระคายเคืองได้
2.ควรฉีดพ่นสารสกัดก่อนแมลงระบาดเพื่อเป็นการป้องกัน
3.ควรฉีดพ่นในเวลาที่ไม่มีแสงแดดจัดเนื่องจากสารสำคัญในสารสกัดจากพืชสลายตัวได้ง่ายเมื่อถูกความร้อนและแสงแดด
1.กากเมล็ดชาน้ำมัน
ประสิทธิภาพในการป้องกันกำจัด กากเมล็ดชาน้ำมัน มีสารกลุ่มซาโปนิน (triterpenoid Saponin มีฤทธ์ต่อระบบปราสาทระบบเลือด และมีผลต่อการลอกคราบแมลง สามารถกำจัดหอยเชอรี่หอยศัตรูกล้วยไม้
วิธีการใช้ป้องกันกำจัดศัตรูพืช เพื่อกำจัดหอยเชอรี่(หว่านกากเมล็ดชาในนาข้าว 2.5 กิโลกรัมต่อไร่ต้องมีระดับน้ำในนาข้าว 5เซนติเมตรและรักษาระดับน้ำให้คงที่อย่างน้อย 3วัน) และการนำมากำจัดหอยศัตรูกล้วยไม้ พบว่าใช้อัตรา 5.0 กิโลกรัมต่อไร่ มีประสิทธิภาพกำจัดหอยอำพันและหอยเจดีย์ใหญ่
2. ว่านน้ำ
ประสิทธิภาพในการป้องกันกำจัด สาระสำคัญในว่านน้ำคือ สารออกฤทธิ์ที่สำคัญคือ เบต้า-อาซาโรน (B-asarone) นอกจากนี้ยังพบสารอาโคแรงเจอร์มาโครน (acorangermancrone) และอาซาริลอัลดีฮาย (asarylaldhyde) ในน้ำมันหอมระเหยจากรากว่านน้ำเป็นสารฆ่าแมลง โดยเป็นพิษต่อระบบประสาทของแมลง ยับยั้งการเจริญเติบ โต และการกินอาหารของแมลง ยับยั้งการพัฒนาของระบบสืบพันธุ์ และการออกจากไข่ของตัวอ่อน นอกจากนี้ยังยับยั้งการเจริญของเชื้อราและแบคทีเรีย ใช้กับแมลงวันแตง แมลงวันผลไม้ ด้วงหมัดผักหนอนกระทู้ผัก และแมลงศัตรูในโรงเก็บ
วิธีการใช้ป้องกันกำจัดศัตรูพืชทำได 2 วิธี ดังนี้
1. คลุกกับเมล็ดพืชในโรงเก็บ โดยใช้ผงว่านน้ำ 1 กิโลกรัม คลุกเมล็ดพืช 50 กิโลกรัม
2. เหง้าบดเป็นผง 150 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร แช่ไว้ค้างคืนหรือต้ม 45 นาที กรองแล้วนำไปฉีดพ่น
3.หางไหล
ประสิทธิภาพในการป้องกันกำจัด
– เป็นสารฆ่าแมลง โดยออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของระบบหายใจของแมลง สารสกัดจากรากสามารถป้องกันกำจัดศัตรูพืชหลายชนิดเช่น
– แมลงศัตรูผัก เช่น หนอนใยผัก หนอนกระทู้ผัก เพลี้ยจักจั่นฝ้าย เพลี้ยอ่อนกะหล่ำปลี เพลี้ยอ่อนถั่วฝักยาว หนอนเจาะฝักถั่วฝักยาวหนอนผีเสื้อสีน้ำเงิน
– แมลงศัตรูข้าว เช่น เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล หนอนห่อใบข้าว
– แมลงศัตรูข้าวโพด เช่น หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด
– แมลงศัตรูกล้วยไม้ เช่น เพลี้ยไฟฝ้าย
– แมลงศัตรูในโรงเก็บ เช่น ด้วงถั่วเขียว
วิธีการใช้ป้องกันกำจัด ศัตรูพืชนำรากหางไหลมาทุบให้แตก สับเป็นชิ้นเล็กๆ แช่ในน้ำอัตราส่วน ราก 1 กิโลกรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร แช่ไว้ 48 ชั่วโมง ใช้ไม้กวนเป็นครั้งคราวกรองด้วยผ้าขาวบางนำน้ำที่กรองได้ไปพ่นในแปลพืชทุก 5-7 วัน นำมาบดเป็นผงใช้คลุกเมล็ด
4. สะเดา
ประสิทธิภาพในการป้องกันกำจัด สะเดา มีสาร อาซาไดแรคติน ซาแลนนิน เมเลีย ไตรออล และนิมบิน สารเหล่านี้มีประสิทธิภาพดังนี้
– ยับยั้งการลอกคราบของแมลง โดยไปขัดขวางและยับยั้งการสร้างฮอร์โมนที่ใช้ในการลอกคราบ
– ยับยั้งการกินอาหารชนิดถาวร จนทำให้แมลงตายในที่สุด
– ยับยั้งการเจริญเติบโตของไข่ หนอน และดักแด้
– เป็นสารไล่แมลง
– ยับยั้งการวางไข่ของแมลง ทำให้ปริมาณไข่ลดลงใช้ป้องกันกำจัเพลี้ยอ่อน หนอนใยผัก หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนม้วนใบถั่ว
วิธีการใช้ป้องกันกำจัด ศัตรูพืชเมล็ดสะเดาบดละเอียดอัตรา 1กิโลกรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร แช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน กรองเอาส่วนน้ำไปพ่นในแปลงปลูกพืช (ใช้ได้ผลในแปลงปลูกที่ศัตรูพืชระบาดไม่รุนแรง และหนอนมีความต้านทานต่อสารฆ่าแมลงไม่มาก ควรพ่นก่อนมีการระบาด หรือมีการระบาดเพียงเล็กน้อย และพ่นติดต่อกันไปทุก 7 วัน ในแหล่งที่ระบาดอย่างรุนแรง)เมล็ดสะเดาบดละเอียดอัตรา 20 กิโลกรัม ต่อไร่ (หว่านรอบต้นในอัตรา 2.5 กรัมต่อหลุม สามารถที่จะกำจัดตัวอ่อนของด้วงหมัดผักที่อาศัยอยู่ในดินได้ดี ส่วนตัวเต็มวัย ที่ทำลายส่วนใบ สารสกัดสะเดาไม่สามารถป้องกันกำจัดได้
5. หนอนตายหยาก
ประสิทธิภาพในการป้องกันกำจัด หนอนตายหยาก ใช้ป้องกันกำจัดหนอนแมลงวัน ป้องกันกำจัด แมลงศัตรูพืช ยับยั้งการกินจองหนอนกระทู้หอม หนอนใยผัก หนอนแมลงวัน มีความเป็นพิษต่อลูกน้ำยุง
วิธีการใช้ป้องกันกำจัด ศัตรูพืชนำรากหนอนตายหยาก สับเป็นชิ้นเล็กๆ ปริมาณ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร กวน หมักไว้ค้างคืน กรองเอาน้ำไปฉีดพ่นพืชผักทันที ฉีดพ่น ทุก 3-5 วัน ใช้น้ำให้หมดทุกครั้ง ไม่ควรเก็บไว้เพราะราจะขึ้น
6.เมล็ดน้อยหน่า
ประสิทธิภาพในการป้องกันกำจัด ในเมล็ดน้อยหน่ามีสารอัลคาลอยค์ มีความเป็นพิษทางการสัมผัสและระบบทางเดินอาหาร เป็นพิษต่อ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยจักจั่นฝ้าย หนอนใยผัก
วิธีการใช้ นำเมล็ด1กิโลกรัม มาบดให้ละเอียด ผสมกับน้ำ 20ลิตรและแช่ทิ้งไว้ประมาณ 1-2วัน จากนั้นกรองเอาน้ำไปแดพ่นในแปลงเกษตร
***ระวังเวลาบดอย่าให้ผงเมล็ดน้อยหน่าให้เข้าตาเพราะจะทำให้ตาเกิดการระคายเคืองอย่างมาก

ขอบคุณที่มา : facebook เพจ สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร